บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มข. เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปี 2558

DSC_0055    DSC_0060    DSC_0073

 

DSC_0079    DSC_0083    DSC_0153

 

DSC_0155    DSC_0161    DSC_0170

 

DSC_0175    DSC_0184    DSC_0185

 

DSC_0208    DSC_0230    DSC_0256

 

DSC_0257    DSC_0268    DSC_0275

 

 

วันที่ 14 ธันวาคม 2558 บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปี 2558

  • 08.30 – 09.00 น. บัณฑิตเริ่มลงทะเบียนและรายงานตัว ครั้งที่ 4 ณ ห้องทองใบ ทองเปาด์
  • 09.00 – 10.00 น. บัณฑิตเข้ารับการตรวจร่างกาย ณ ห้องทองใบ ทองเปาด์
  • 10.00 – 11.00 น.  บัณฑิตพร้อมกัน (ตั้งแถว 8 ตามลำดับ) ณ ลานพิมลธรรม และเดินไปตั้งแถวบริเวณถนนสีฐาน โดยท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติบดี ใยพูล                                         คณบดีคณะนิติศาสตร์ เดินนำขบวนบัณฑิตพร้อมคณาจารย์ประจำคณะนิติศาตร์
  • 11.00 – 11.30 น.   บัณฑิตตั้งแถวบริเวณถนนสีฐาน หน้าศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก
  • 11.30 – 12.00 น.  บัณฑิตเดินแถวเข้าศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก
  • 12.00 – 12.20 น. บัณฑิตนั่งประจำทีนั่ง ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก
  • 12.20 – 15.30 น. พิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปี 2558

หลังจากผู้สำเร็จการศึกษารับพระราชทานปริญญาบัตรแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานพระราโชวาทแก่เหล่าบัณฑิต และให้โอกาสแก่เหล่าคณาจารย์ นักศึกษา และ ประชาชนเข้าเฝ้าถวาย

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปีการศึกษา 2557 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น วันจันทร์ ที่ 14 ธันวาคม 2558  ความว่า
         “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม  ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่นประจำปีนี้ ขอแสดงความชืนชมกับผู้ทรงคุณวุฒิและบัณฑิตทุกคน ที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ

​          บัณฑิตได้ชื่อว่าเป็นผู้เปี่ยมด้วยวิชาความรู้  ย่อมเป็นที่คาดหวังของคนในสังคม. ว่าจะนำความรู้ที่มีอยู่ไปปรับใช้ในการทำงาน  เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและชาติบ้านเมือง.  แต่การที่บุคคลจะประกอบกิจการงานให้บังเกิดประสิทธิผลได้อย่างแท้จริงนั้น จะใช้เพียงความรู้อย่างเดียวมิได้  ยังต้องอาศัยสติความระลึกรู้เป็นเครื่องกำกับควบคุมความคิดและการกระทำของตนด้วย.  หากบุคคลปฏิบัติงานโดยมีสติรู้เท่าทันความคิดและการกระทำของตนอยู่ตลอดเวลา หมั่นพิจารณาถึงความเหมาะควรในการกระทำสิ่งต่างๆ  รวมทั้งใคร่ครวญถึงผลที่จะเกิดต่อตามมาอย่างรอบคอบและรอบด้าน  ก็จะสามารถนำความรู้ไปใช้ได้เหมาะสมและถูกต้อง  อันจะส่งผลให้กิจการงานที่ทำนั้นสำเร็จผลเป็นประโยชน์ได้แท้จริง.  ตรงกันข้าม  หากบุคคลประกอบกิจการงานโดยไม่มีสติเป็นเครื่องกำกับ  ก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียหายแก่ตนเอง  แก่งานที่ทำและแก่ส่วนรวมได้.  บัณฑิตทุกคนจึงต้องหมั่นฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ  จะได้สามารถปฏิบัติงานให้บรรลุผลที่พึงประสงค์  เป็นประโยชน์เป็นความเจริญทั้งแก่ตนเอง และแก่ประเทศชาติของเราสืบไป

​          ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ขออวยพรให้บัณฑิตใหม่ทุกคน และผู้มาร่วมประชุมในพิธีนี้ทุกท่าน  มีความสำเร็จสมหวังในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ.”

 

ภาพ / ข่าว : งานประชาสัมพันธ์คณะนิติศาสตร์