บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มข. เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปี 2558
วันที่ 14 ธันวาคม 2558 บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปี 2558
- 08.30 – 09.00 น. บัณฑิตเริ่มลงทะเบียนและรายงานตัว ครั้งที่ 4 ณ ห้องทองใบ ทองเปาด์
- 09.00 – 10.00 น. บัณฑิตเข้ารับการตรวจร่างกาย ณ ห้องทองใบ ทองเปาด์
- 10.00 – 11.00 น. บัณฑิตพร้อมกัน (ตั้งแถว 8 ตามลำดับ) ณ ลานพิมลธรรม และเดินไปตั้งแถวบริเวณถนนสีฐาน โดยท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์กิตติบดี ใยพูล คณบดีคณะนิติศาสตร์ เดินนำขบวนบัณฑิตพร้อมคณาจารย์ประจำคณะนิติศาตร์
- 11.00 – 11.30 น. บัณฑิตตั้งแถวบริเวณถนนสีฐาน หน้าศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก
- 11.30 – 12.00 น. บัณฑิตเดินแถวเข้าศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก
- 12.00 – 12.20 น. บัณฑิตนั่งประจำทีนั่ง ณ ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก
- 12.20 – 15.30 น. พิธีพระราชทานปริญญาบัตร ประจำปี 2558
หลังจากผู้สำเร็จการศึกษารับพระราชทานปริญญาบัตรแล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานพระราโชวาทแก่เหล่าบัณฑิต และให้โอกาสแก่เหล่าคณาจารย์ นักศึกษา และ ประชาชนเข้าเฝ้าถวาย
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ประจำปีการศึกษา 2557 ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น วันจันทร์ ที่ 14 ธันวาคม 2558 ความว่า
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ข้าพเจ้ามาปฏิบัติพระราชกรณียกิจแทนพระองค์ ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยขอนแก่นประจำปีนี้ ขอแสดงความชืนชมกับผู้ทรงคุณวุฒิและบัณฑิตทุกคน ที่ได้รับเกียรติและความสำเร็จ
บัณฑิตได้ชื่อว่าเป็นผู้เปี่ยมด้วยวิชาความรู้ ย่อมเป็นที่คาดหวังของคนในสังคม. ว่าจะนำความรู้ที่มีอยู่ไปปรับใช้ในการทำงาน เพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมและชาติบ้านเมือง. แต่การที่บุคคลจะประกอบกิจการงานให้บังเกิดประสิทธิผลได้อย่างแท้จริงนั้น จะใช้เพียงความรู้อย่างเดียวมิได้ ยังต้องอาศัยสติความระลึกรู้เป็นเครื่องกำกับควบคุมความคิดและการกระทำของตนด้วย. หากบุคคลปฏิบัติงานโดยมีสติรู้เท่าทันความคิดและการกระทำของตนอยู่ตลอดเวลา หมั่นพิจารณาถึงความเหมาะควรในการกระทำสิ่งต่างๆ รวมทั้งใคร่ครวญถึงผลที่จะเกิดต่อตามมาอย่างรอบคอบและรอบด้าน ก็จะสามารถนำความรู้ไปใช้ได้เหมาะสมและถูกต้อง อันจะส่งผลให้กิจการงานที่ทำนั้นสำเร็จผลเป็นประโยชน์ได้แท้จริง. ตรงกันข้าม หากบุคคลประกอบกิจการงานโดยไม่มีสติเป็นเครื่องกำกับ ก็อาจจะก่อให้เกิดผลเสียหายแก่ตนเอง แก่งานที่ทำและแก่ส่วนรวมได้. บัณฑิตทุกคนจึงต้องหมั่นฝึกฝนตนเองให้เป็นผู้มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ จะได้สามารถปฏิบัติงานให้บรรลุผลที่พึงประสงค์ เป็นประโยชน์เป็นความเจริญทั้งแก่ตนเอง และแก่ประเทศชาติของเราสืบไป
ในพระปรมาภิไธยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขออวยพรให้บัณฑิตใหม่ทุกคน และผู้มาร่วมประชุมในพิธีนี้ทุกท่าน มีความสำเร็จสมหวังในสิ่งอันพึงปรารถนาทุกประการ.”
ภาพ / ข่าว : งานประชาสัมพันธ์คณะนิติศาสตร์